รีวิว Cape Sienna ห้อง Seaview Executive Pool Penthouse ขนาดโคตรใหญ่

ในช่วงวิกฤติ COVID-19 ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวที่เคยต้องพึ่งพาชาวต่างชาติ ล้วนแล้วแต่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง บางแห่งถึงกับปิดตัวลงแม้ว่าจะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกันแล้วก็ตาม ซึ่ง Cape Sienna รีสอร์ทที่เราจะมารีวิวในครั้งนี้ แต่ก่อนเคยเป็นที่หมายปองจากนักท่องเที่ยวต่างชาติมากมายเมื่อได้ไปภูเก็ต ด้วยความขึ้นชื่อของห้องอาหาร และห้องพักที่ได้วิวทะเลริมหน้าผาทุกห้อง แต่ในวันนี้กลับเงียบสงบจนแทบไม่มีแขกอย่างน่าใจหาย จนเมื่อทางรีสอร์ทได้เข้าร่วมโครงการ บรรยากาศก็ดูเหมือนจะเริ่มคึกคักขึ้น

แน่นอนว่าจังหวะที่ค่าที่พักระดับ 5 ดาว จะมีราคาเอื้อมถึงแบบนี้ไม่มีมาบ่อย ครั้งนี้ผู้เขียนเลยได้มีโอกาสเข้าพักที่ห้องไทป์สูงสุดของฝั่งอาคาร ซึ่งมีชื่อว่า Seaview Executive Pool Penthouse เป็นห้อง Penthouse ที่มีแค่เพียง 2 ห้องเท่านั้นในโรงแรม โอ่อ่าด้วยขนาดพื้นที่รวมทั้งหมดกว่า 110 ตร.ม. เรียกว่าเป็นครั้งแรกที่ได้นอนห้องพักที่มีห้องน้ำแยกสำหรับแขก

ที่ต้องบอกว่าโชคดี เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ทาง Cape Sienna ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ แต่กลับมาเปลี่ยนใจเปิดทีหลัง ทำให้ราคาต่อคืนของห้องนี้ลดลงได้ต่ำกว่า 5,000 บาท แต่ก็นั่นแหละครับ ช่วงที่ไป (เดือน ต.ค.) เป็นหน้า Low Season ของเมืองภูเก็ตอยู่แล้ว ประกอบกับใกล้เข้าเทศกาลกินเจ ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่ราคาจะออกมาดีแบบนี้

ออกเดินทางด้วย Thai VietJet Air

เราเดินทางถึงภูเก็ตด้วยสายการบิน Thai VietJet Air ซึ่งเป็นที่กล่าวขานกันของนักท่องเที่ยวหลายท่าน ว่าขึ้นชื่อเรื่องการเลื่อนอันเป็นนิจ ตัวผมเองก็โดนเช่นเดียวกัน เราโดนเลื่อนจากออกเดินทาง 6 โมงเช้า มาเป็น 11 โมง ตรงนี้ต้องบอกเลยว่า กว่าตารางบินจะนิ่ง ก็ยังมีอีเมลส่งมาเลื่อนจนนาทีสุดท้ายจริง ๆ โชคดีที่ผมตัดสินใจเข้าไปติดต่อที่เค้าน์เตอร์เพื่อหาข้อสรุปก่อนวันเดินทาง

ถามว่าในเมื่อมีชื่อเสียงในทางที่ไม่ค่อยดี ทำไมถึงเลือกใช้บริการสายการบินนี้ เหตุผลเดียวเลยครับ ก็เพราะมันเป็นสายการบินที่ออกเดินทางจากสุวรรณภูมิไม่กี่แบรนด์ที่สามารถทำราคาได้ย่อมเยาว์ขนาดนี้ ประกอบกับทางผมไลฟ์สไตล์ของผมเองมีความยืดหยุ่นได้พอสมควร เลยพอจะรับได้กับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น แต่ถามว่าจะเลือกอีกไหม ถึงตอนนี้อาจมีลังเลแล้วครับ (ฮา)

การเดินทางภายในเมืองภูเก็ต

เราเลือกเช่ารถขับส่วนตัวจากผู้ให้บริการชื่อว่า Best Rent a Car Phuket เป็นรถ Mazda 2 Sedan ที่สภาพใหม่ไม่แพ้ป้ายแดง และได้ราคาย่อมเยาว์ รวมถึงคุณปุ้ยเจ้าของร้านก็ให้คำแนะนำด้านการท่องเที่ยวดีมาก ราคาต่อวันอยู่ในระดับที่รับได้ แนะนำให้ลองติดต่อไปดูครับ ทางคุณปุ้ยยังมีรถรุ่นอื่นรอให้บริการอยู่เช่นเดียวกันครับ

เข้าเช็คอิน

ตัวรีสอร์ทจะตั้งอยู่บนหน้าผาขึ้นมาจากหาดกมลา โดยจะแบ่งออกเป็นสองฝั่ง คือฝั่งวิลล่า (ใกล้ทะเลที่สุด) และฝั่งอาคารที่อยู่สูงขึ้นมาอีก เมื่อมาถึงเราจะต้องขึ้นลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังล็อบบี้ โดยพนักงานจะเป็นคนรับรถเราไปจอดให้ครับ เมื่อขึ้นมาเราจะเจอกับวิวทะเลแบบ 180 องศาของล็อบบี้โรงแรมที่หันหน้าหาทะเลอย่างพอเหมาะพอเจาะ

Seaview Executive Pool Penthouse

อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นนะครับว่าตัวห้องใหญ่โตอลังการ มีห้องนั่งเล่นแยกออกจากห้องนอนชัดเจน ทำให้เรามีพื้นที่เหลือเฟือมาก โดยจะขอพาไล่ดูไปทีละส่วนเริ่มจากบริเวณหน้าห้องเป็นต้นไป

เดินเข้าห้องมาก็จะเจอโซนครัว มีอ่างล้างจานมาให้พร้อม เป็นการบ่งบอกว่าตัวห้องน่าจะเหมาะกับการมาพักนาน ๆ เป็นเดือนมากกว่า
อุปกรณ์หลัก ๆ ที่มีในโซนห้องครัวนอกเหนือจากมินิบาร์ในรูป ก็จะมีช้อน-ส้อม, จาน, ชาม พร้อมสำหรับการปาร์ตี้และมาอยู่เป็นเวลานาน
ที่ต้องบอกว่าเหมาะกับการปาร์ตี้เพราะว่าบริเวณทางเข้าห้องมีห้องน้ำสำหรับทำธุระหนักให้อีกห้อง
ทำให้ไม่ต้องไปวุ่นวายกับห้องน้ำหลักภายในห้องนอน

ถัดจากโซนห้องครัวก็จะเป็นห้องนั่งเล่น มีเซ็ตโซฟาและทีวีเครื่องแรก พร้อมสำหรับการนั่งสังสรรค์ในเวลากลางคืน ถัดจากบริเวณทีวีก็จะมีโต๊ะทำงานไซส์เล็ก ๆ ให้พอวางแล็ปท็อปเคลียร์งานด่วน หรือจะเป็นการ Work From Phuket ชิว ๆ ในเวลาปกติก็ได้

จุดนั่งชิลก่อนถึงระเบียงไว้สำหรับสังสรรค์ขำ ๆ ระหว่างเพื่อน
โซฟาพร้อมโต๊ะกลาง เป็นห้องนั่งเล่นในอุดมคติอย่างแท้จริง
หลังโซฟาจะมีกระจกให้สามารถมองออกไปเพื่อชมวิวได้ ถือเป็นเทคนิคการออกแบบที่ทำให้ห้องดูโปร่งสบาย
ด้านนอกจะมีโซฟาไว้ให้นอนเล่นรับบรรยากาศธรรมชาติ
โต๊ะทำงานขนาดเล็ก พร้อมปลั๊กไฟ เผื่อใครจะมา Work from Phuket เปลี่ยนบรรยากาศจำเจในเมืองกรุง

ทั้งหมดก็คือบรรยากาศในโซนแรกของห้องพัก ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดนั่งสังสรรค์สำหรับคนที่มาพักพร้อมเพื่อน ๆ ได้ หรือแม้มาสองคนก็ไม่มีปัญหา เพราะจะได้อารมณ์เหมือนเรามาเช่าบ้านที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตั้งแต่โซฟานั่งเล่น ไปยันอุปกรณ์ครัวพื้นฐาน

ถัดจากส่วนนี้ก็จะเป็นระเบียง ที่ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญของห้องพักนี้เช่นกัน

เปิดประตูระเบียงออกมาจะเจอกับเดย์เบดไว้นอนพักรับลม 1 คู่
สระน้ำขนาดใหญ่กำลังดี กะด้วยสายตาน่าจะ 2 x 5 เมตรได้ ตัวสระมีระบบจากุซซี่สามารถเปิดใช้งานได้จากสวิตช์บริเวณขอบสระ
มีการทำพื้นสระเล่นระดับส่วนนึงไว้สำหรับนั่งพักหากรู้สึกว่าเดินไปเดินมาในน้ำแล้วเมื่อย
นอกจากเดย์เบดก็จะมีเดย์โซฟา ไว้ให้นอนจริงจังรับลมบริเวณด้านนอก เอาจริงตรงนี้น่าจะเป็นจุดที่หาโอกาสมาใช้ยากอยู่เหมือนกันสำหรับคนไทย เพราะด้านนอกถ้าฝนไม่ตก ก็จะเจออากาศร้อน ยิ่งมีผนังทึบกั้นก็จะยิ่งเพิ่มดีกรีความอบอ้าวให้มากขึ้นอีกระดับ
วิวที่จะมองเห็นหากมองออกไปจากระเบียงห้องพัก แน่นอนครับวันที่ผมเข้าพัก….ฝนตกทั้งวัน ก็จะเจอลมเย็นปนละอองฝนตีหน้าตลอดถ้าออกมานั่ง

ห้องนอน

ขออนุญาตพาเข้ามาจากระเบียงมาชมห้องนอนกันเสียหน่อย เตียงนอนในห้องจะเป็นเตียงเดี่ยว King Size ตั้งบริเวรกลางห้อง โดยบริเวณหัวเตียงทั้งสองฝั่งจะมีไฟสำหรับอ่านหนังสือเตรียมไว้ให้ พร้อมกับมาสเตอร์สวิตช์บริเวณโต๊ะข้างเตียงสำหรับควบคุมระบบไฟภายในโซนห้องนอน ที่ทำเอาคนใช้สับสนได้เหมือนกัน เพราะมีไฟติดอยู่หลายจุดมาก

แน่นอนว่าในห้องก็มีโต๊ะทำงานขนาดใกล้เคียงกับด้านนอกเตรียมไว้ นับเป็นการรีดเอาประโยชน์จากพื้นที่ภายในห้องให้ออกมามากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ห้องน้ำหลัก

ห้องน้ำหลักสามารถเดินเข้าได้ทั้งสองทางโดยเดินผ่านเตียงในห้องนอนเข้ามา
บริเวณเค้าน์เตอร์มีอ่างล้างหน้าให้มาสองอ่าง จะได้ไม่ต้องแย่งกันใช้งาน
ในห้องน้ำจะมีห้องแต่งตัวแบบวอล์คอินซ่อนอยู่
ตู้เซฟและไม้แขวนเสื้อเตรียมไว้พร้อม เป็นอุปกรณ์มาตรฐานเหมือนทุกที่
อีกฝั่งก็จะเป็นราวตากผ้าพร้อมไม้แขวนเช่นกัน ทำให้พอจะเดาได้ว่าแขกที่มาพักห้องนี้ส่วนใหญ่น่าจะอยู่กันเป็นเวลานาน มากกว่ามากันแปป ๆ แบบที่ผมเข้าพัก
หลุดจากโซนห้องแต่งตัวก็จะเจอกับโซนห้องทำธุระ, อ่างอาบน้ำ และห้องอาบน้ำ เรียงติดกันตามลำดับ
อ่างจากุซซี่ขนาดใหญ่สามารถลงแช่พร้อมกันได้ แต่การเอาอ่างมาวางในซอกผนังทึบสองฝั่งก็ทำให้รู้สึกอึดอัดอยู่เล็กน้อย ความรู้สึกเดียวกับตอนที่นอนที่โซฟาตรงระเบียง
ห้องอาบน้ำมีเรนชาวเวอร์ พร้อมกับฝักบัวปกติให้เลือกใช้งานตามสะดวก ตัวห้องไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป
สำหรับครีมอาบน้ำที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้จะเป็นของ ELLE Spa ให้กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์พอสมควร

และทั้งหมดก็คือภาพภายในห้องพัก Seaview Executive Penthouse ของโรงแรม Cape Sienna ที่ต้องบอกแบบไม่ค่อยเต็มใจว่าถ้าไม่ใช่ช่วง COVID-19 เราน่าจะไม่ได้มีโอกาสมาเข้าใช้บริการห้องไทป์นี้ เนื่องจากมีความใหญ่เกินจำเป็นสำหรับคู่ผมไปหน่อย บางทีแทบจะเดินหากันไม่เจอในห้อง เพราะพื้นที่มันกว้างมวาก

เกือบลืมไปว่าสุดท้ายแล้วพวกเราไม่ได้นอนในห้องที่ถ่ายรูปมาทั้งหมดเลยครับ เพราะหลังจากเดินถ่ายรูปเสร็จ ตัวปรับอุณหภูมิแอร์ก็เกิดมีปัญหา ซึ่งช่างเทคนิคก็ไม่สามารถซ่อมมันได้ แม้ว่าจะนำอะไหล่ตัวใหม่มาเปลี่ยนแล้วก็ตาม สุดท้ายทางโรงแรมก็ได้แนะนำให้ผมย้ายไปห้องไทป์เดียวกันอีกห้องนึงแทน ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของตัวตึก ฉะนั้นแล้วรูปแบบการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องก็จะสลับซ้ายขวากันหมด ซึ่งอีกห้องนึงจะได้วิวของตัวโรงแรมกับหาดกมลา นิดหน่อย ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อน และต้องชมทางโรงแรมที่สามารถจัดการสถานการณ์ได้อย่างดี

ตัวที่อยู่ในกรอบสีแดงนี่แหละที่มีปัญหา

สรุป

ห้องพักในไทป์นี้ของทางโรงแรม Cape Sienna น่าจะเหมาะกับการมาพักในระยะยาวมากกว่า เพราะตัวห้องมีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมมากมาย อุปกรณ์พื้นฐานอย่างโต๊ะทำงาน และอินเทอร์เน็ต ให้พร้อม อารมณ์ว่าจะนั่งทำงานในสระน้ำ หรือประชุมจากระเบียงขณะนอนกลางวันชมวิวทะเลก็ดูไม่ขี้เหร่ ต้องบอกว่าในงบประมาณต่อคืนเท่านี้ (รวมโปรแกรมช่วยเหลือของทางรัฐบาลแล้ว) หาคู่ต่อสู้ได้ค่อนข้างยาก

มาดูที่ข้อเสียกันบ้าง สิ่งแรกที่ชัดเจนมาก คือตัวห้องจะมีสภาพแอบโทรม คือความสะอาดไม่มีที่ติอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่ รร. น่าจะเปิดมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ทำให้สภาพรวม ๆ อาจจะดูหมองไปบ้าง อีกจุดที่สำคัญน่าจะเป็นเรื่องของการเข้าพักในช่วงหน้า low ซึ่งจะมีพายุเข้า คุณจะเจอกับลมค่อนข้างแรงถ้าเดินออกไประเบียง ตัวผมเองเจอกับตัวคือชุดว่ายน้ำปลิวหายไปกับสายลม

สุดท้ายก็ต้องบอกว่าในสภาวะวิกฤตินี้ ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ไปสัมผัสโรงแรมในฝันที่เราน่าจะไม่สามารถมานอนได้บ่อย ๆ ก็ถือว่าเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวได้ต่อลมหายใจไปอีกสักนิด จนกว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติ

Comments

comments