หมดหน้า high ก็ได้เวลาออกเที่ยวอีกครั้งหลังเว้นระยะห่างจากทริปก่อนหน้าถึง 1 ปี โดยจุดหมายรอบนี้เป็นพัทยาเหมือนเดิมเพราะขับรถไปถึงง่าย สิ่งอำนวยความสะดวกครบ ประจวบเหมาะกับที่ทางโรงแรม Amari ได้ทำการปล่อยโปรโมชั่นลดราคา 50% สำหรับการจองห้องตั้งแต่ 2 คืนขึ้นไป หวยเลยมาออกที่ห้องยอดนิยมอย่าง Junior Suite Ocean View ด้วยจุดเด่นคือวิวอลังการแบบที่ตื่นมาตอนเช้าก็เจอทะเลจัง ๆ ตรงปลายเท้าแบบไม่อ้อมค้อม
จุดประสงค์ที่ทางโรงแรมออกโปรนอกจากจะเป็นการกระตุ้นการเข้าพักช่วง low season แล้ว อีกหนึ่งสาเหตุก็น่าจะเป็นเพราะในช่วงนี้ Amari Ocean Pattaya กำลังทำการปรับปรุงครั้งใหญ่หลายจุด นอกจากจะสร้างตัวอาคารใหม่แล้ว ยังได้ทำการปรับปรุงทิศทางในการออกแบบห้องด้วยโทนสีที่สว่างมากขึ้น จากเดิมจะเน้นโทนสีร้อนเพื่อให้เข้ากันกับสีหลักประจำบริษัท
โจทย์ที่ตั้งไว้ก่อนจะทำการจองห้องในทริปนี้ก็ได้แก่
- วิวทะเล
- มีอ่างน้ำ
- การตกแต่งห้องต้องดูโปร่งโล่ง
ซึ่งตัวเลือกที่เข้าวินมาก็มีหลายที่ไม่ว่าจะเป็น U Pattaya, Renaissance และ Cape Dara ที่เคยไปมาและได้รีวิวไปเมื่อเกือบ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งระหว่างเปรียบเทียบกันนั้นทาง Amari ก็ได้ออกโปรโมชั่นลด 50% ออกมาพอดี ประกอบกับบนเว็บไซต์โรงแรมสามารถกดดูห้องแบบ 360 องศาได้ จึงช่วยให้ตัดสินใจได้ไม่ยากหลังจากที่ไม่เคยสนใจที่นี่เลย
“คนไทยไม่ค่อยมาพัก เพราะนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเยอะ….”
ประโยคด้านบนผมได้ยินมาจากรุ่นพี่ทำงานด้วยกัน เป็นคำร่ำลือจากเว็บบอร์ดนักเที่ยวที่ทำให้ตลอดหลายปีไม่เคยหยิบเอาโรงแรมนี้ไปเป็นหนึ่งในตัวเลือกเลยสักครั้ง จนได้อ่านรีวิวผ่านตาบ้าง จนสุดท้ายแล้วก็ตัดสินใจลองกันสักตั้ง (อันที่จริงราคายั่วยวน บวกกับตอบโจทย์ 3 ข้อด้านบน)
Amari Ocean Pattaya ตั้งอยู่บริเวณต้นถนนเลียบชายหาดพัทยา ห่างจากวงเวียนปลาโลมาตรงถนนพัทยาเหนือมาไม่กี่กิโล ก็จะเห็นตึกสูงตระหง่านพร้อมตัวอักษรสีส้มสดเห็นแต่ไกล
สำหรับในช่วงรีโนเวทนี้ถ้าใครนำรถมาเองต้องขับเข้าไปจอดบริเวณข้างตึกแล้วเดินเข้าข้างหลัง จะมี รปภ. และพนักงานยกกระเป๋าคอยบริการอยู่ เสร็จแล้วพนักงานต้อนรับก็จะพาเราไปล็อบบี้เพื่อเช็คอิน สำหรับทริปนี้เราเลือกเข้าพักช่วงวันพฤหัสบดี และเช็คเอ้าท์วันเสาร์ นับว่าจังหวะกำลังดี ไม่ชนกับคนเยอะจนเกินไป
รอบนี้ระหว่างจองได้ส่ง special request หนึ่งอย่างคือขอห้องที่ลงท้ายด้วยเลข 00 ตามคำแนะนำของกระทู้คุณ Princess of Napier เพราะจะได้วิวที่สวยที่สุดสำหรับห้องพักไทป์นี้ ถึงเวลาเช็คอินเรียบร้อยหวยออกที่ห้อง 800 ตามคำขอ เพราะน่าจะเป็นช่วงแขกไม่เยอะพอดี
มาถึงห้องก็ประหลาดใจเล็กน้อยกับหน้าตาห้องพักที่ดูแปลกตาจากในรีวิวที่อ่าน โดยสิ่งแรกที่สังเกตุได้ชัดเจนก็คือได้มีการเปลี่ยนสีเนื้อไม้ของเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องทั้งหมดจากสีน้ำตาลเข้ม เป็นสีครีมกึ่งน้ำตาลอ่อน พร้อมกับเอาฉากบังตาตรงหัวเตียงออกไป แทนที่ด้วยฉากกั้นกระจกทึบเล่นสีน้ำเงินขึ้นมาแทน เรียกว่าเป็นการเปลี่ยนโทนอารมณ์ของห้องจากเดิมไปอย่างสิ้นเชิง
โต๊ะทำงานกระจกตรงปลายเตียงที่เคยมีก็ถูกเอาออกไป เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยและความโปร่งสบายให้กับตัวห้อง ขนาดเตียงในห้องนี้เป็นแบบคิงไซส์พร้อมหมอนขนเป็ดสองใบที่ดูจะนุ่มเกินไปหน่อยสำหรับสามัญชนแบบเรา ๆ ทำให้เวลานอนต้องนำมาซ้อนกันถึงจะลงล็อคพอดี
ภายในตู้เสื้อผ้าก็จะมีชุดคลุมอาบน้ำ, ตู้เซฟแบบรหัส 4 ตัวอักษร และบรรดาอุปกรณ์ช่วยเหลือบางอย่าง โซนมินิบาร์จะมีสติ๊กเกอร์แปะกำกับไว้เรียบร้อย พร้อมตู้เย็นไฮโซรักษ์โลก แช่แล้วเย็นแบบผู้ดี จิบน้ำแล้วไม่เสียวฟันครับ
ห้องน้ำอยู่ด้านหลังเตียงนอน มีอ่างอาบน้ำไซส์ใหญ่กำลังพอเหมาะพร้อมฝักบัว บริเวณนี้ไม่ได้มีการปรับปรุงอะไรเพราะดูเหมือนจะเข้ากับธีมสีใหม่อยู่แล้ว
จากมุมนี้จะเห็นว่าผนังห้องส้วมจะติดกับกระจกบานใหญ่ บังตาด้วยมู่ลี่สีทึบ เวลาทำธุระก็จะรู้สึกหวิว ๆ หน่อย เพราะเราสามารถมองออกไปเห็นข้างนอกผ่านมู่ลี่ ระเบียงตรงนี้หากรูดฉากกั้นขึ้นเพื่อเดินออกไปนั่งดูวิวเพลิน ๆ ได้ แต่มีขนาดไม่ค่อยใหญ่เท่าไร วิวที่เห็นก็จะเป็นทางฝั่งโรงแรมดุสิต และตึกใหม่ที่ตอนนี้กำลังก่อสร้างกันอยู่
เปรียบเทียบความเปลี่ยนแปลงก่อน-หลัง Renovate
[su_slider source=”media: 705,687,699,688″ link=”lightbox” width=”1000″ height=”600″ title=”no” mousewheel=”no”]
เอารูปมาให้ดูเปรียบเทียบกันจากเว็บหลักของ Amari ระหว่างก่อนและหลังการทำ Renovate ซึ่งจุดเปลี่ยนแปลงหลัก ๆ คือการเอาโต๊ะทำงานออก และทำฉากกั้นบริเวณหัวเตียงใหม่ ซึ่งโดยรวมทำให้ห้องดูผ่อนคลายขึ้น ปลดภาพโรงแรมที่ใช้สำหรับมานอนตอนมาประชุมงานนอกสถานที่ไปได้เยอะ
อันที่จริงแล้วถ้าสังเกตุดี ๆ สีผ้าม่านในรูปแรกกับรูปในเซ็ตข้างบนดูไม่เหมือนกันใช่ไหมครับ….. สาเหตุก็เพราะทางโรงแรมได้เข้ามาขอเปลี่ยนผ้าม่านในช่วงที่เราถ่ายรูปเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็เป็นช่วงที่เราทำห้องเละไปเรียบร้อย เท่ากับว่าเฟอร์นิเจอร์ในธีมเดิมที่ยังเหลืออยู่ก็คือชุดเก้าอี้สีแดงบริเวณหน้าทีวี (หรืออันที่จริงจะเปลี่ยนเหมือนกันแต่เฟอร์นิเจอร์ยังไม่มาส่ง?)
อาหารเช้า
อาหารเช้าของทางโรงแรมจะมีบริการที่ห้องอาหาร Essence ซึ่งก็จะเป็นบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติ โดยหลัก ๆ ก็จะเป็นข้าวผัด, เมนูไข่, สลัด, เบเกอรี่, ฯลฯ และสิ่งที่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าโรงแรมนี้เป็นที่นิยมของชาวอินเดียก็คือ การมีอาหารอินเดียให้บริการอย่างเช่นขนมปังนันกับแกงเครื่องเทศให้บริการด้วย
บรรยากาศห้องอาหารในตอนเช้าจะค่อนข้างครึกครื้นนิดนึง เพราะเราจะได้พบเจอกับเพื่อนร่วมโรงแรมเดียวกัน แน่นอนว่าประชากรส่วนใหญ่ในห้องอาหารก็คือชาวอินเดีย เรียกว่าคุยกันระงมจอแจไปหมด ตัวพนักงานโรงแรมชาวไทยเองก็เข้าใจในจุดนี้ จึงพยายามที่จะจัดสรรให้เราไปนั่งในโซนที่แยกออกจากกลุ่มแขกชาวอินเดีย
สรุป
สำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านอะไรยาว ๆ ก็ขอสรุปใจความสั้น ๆ มาให้ดูเป็นลำดับดังต่อไปนี้
- เป็นห้องที่วิวดีสมราคา พอได้รีโนเวทใหม่ก็ทำให้ดูทันสมัย เปลี่ยนบรรยากาศในห้องให้ดูโปร่งสบาย สลัดภาพลักษณ์ห้องพักสำหรับคนเดินทางมาทำธุรกิจไปอย่างหมดจด
- อาหารเช้ามีครบทุกชาติ แต่น่าจะออกแบบรสมาให้เหมาะกับชาวอินเดีย ฉะนั้นออกไปกินข้างนอกน่าจะตอบโจทย์คนไทยมากกว่า
- ทีวีไม่สามารถต่อเครื่องเล่นอะไรเพิ่มได้เลย เพราะบิ้วต์อินเฟอร์นิเจอร์ทำได้แนบกับตัวทีวีมาก ตรงนี้ผมคิดว่าไหน ๆ จะทำใหม่แล้ว อย่างน้อยน่าจะเว้นพื้นที่ไว้สำหรับช่อง HDMI สักหน่อยก็ยังดี
- อินเทอร์เน็ตความเร็วเหมาะสมดี ไม่ได้ลองเปิดพวกสตรีมมิ่งโหด ๆ อย่าง Netflix 4K ดู แต่จากการเข้า YouTube ดูโน่นนี่ไปเรื่อยก็ถือว่าลื่นไหลไม่พบอาการสะดุดหนัก ๆ
ทั้งหมดก็คือประสบการณ์ในการแวะมาลองห้องพักของ Amari Ocean Pattaya ในครั้งนี้ แม้ว่าจะมีบางส่วนดูติดขัดไปบ้าง (อย่างเช่นช่วงที่เข้ามาเปลี่ยนผ้าม่าน) จนทำให้อึดอัด แต่พอเห็นพนักงานที่คอยกระตือรือร้นจะช่วยเหลือเราทำให้สุดท้ายก็ลืมไป
นับว่าเป็นอีกหนึ่งทริปสั้นในวันพักผ่อนที่ไว้มีโอกาสคงได้กลับมาเจอกันอีก แต่คงต้องเป็นหลังการรีโนเวทเสร็จสมบูรณ์แล้ว และเหนือสิ่งอื่นใดคือมีโปรแรง ๆ มาให้จองกันอีก สำหรับครั้งนี้ต้องลาไปก่อน สวัสดีครับ