จากที่ได้เคยวนเวียนไปพักโรงแรมต่าง ๆ ในเมืองพัทยามาหลายปี ก็ได้เวลาขับรถเลยหาดจอมเทียนออกมาสักนิด สู่โซนบางเสร่ ซึ่งมีรีสอร์ทใหม่มาเปิดมากมายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดย U Pattaya ถ้านับจากวันที่เริ่มให้เข้าพักวันแรก จนถึงวันที่เราเข้าเช็คอิน ก็เป็นเวลา 4 ปีไม่มากไม่น้อย
ตัวรีสอร์ทจะแบ่งออกเป็นสองโซน นั่นก็คือโซนห้องพักบนอาคาร และโซนวิลล่าที่มีห้องไทป์สูงสุด Beachfront Pool Villa เป็นตัวไฮไลท์ของรีสอร์ท แต่ด้วยความที่เรานิยมอยู่แบบเงียบ ๆ ไม่สุงสิงกับใคร (ห้อง Beachfront จะติดหาดและติดห้องอาหาร) จึงเลือกเข้าพักที่ห้อง Pool Villas ที่มีจุดเด่นคือสระน้ำขนาดใหญ่ 3 x 5 เมตร ภายในบริเวณวิลล่า
ความประทับใจแรก หลังเช็คอิน
ด้านในห้องพัก Pool Villas นี้ จะมีลักษณะเหมือนเป็นบ้านพักตากอากาศขนาดเล็ก ๆ ในมุมมองคนทั่วไป แต่หากเข้าพักสองคน ก็รู้สึกได้ถึงความโหวงเหวงไม่น้อย เพราะนอกเหนือจากสระน้ำแล้ว ตัวที่พักยังมีศาลาด้านนอกกับเดย์เบดไว้ให้หย่อนใจในตอนกลางวัน อีกทั้งมีอ่างจากุซซี่แบบ outdoor ไว้ให้แช่น้ำอุ่นหลังว่ายน้ำในสระจนเหนื่อยอีกจุด ทำให้พื้นที่ใช้สอยของห้องไทป์นี้มีขนาด 50 ตร.ม. และมีให้บริการทั้งหมด 6 ห้องด้วยกัน นับเป็นห้องที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโรงแรม ซึ่งไทป์ที่มีขนาดใหญ่สุดจะเป็น Two Bedroom Pool Villa ที่มีขนาด 90 ตร.ม.
จากประตูเราจะต้องเดินผ่านสระน้ำเพื่อไปยังบริเวณห้องนอน ด้านในตกแต่งสไตล์บ้านเล็กในป่าใหญ่กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ความพิเศษอีกหนึ่งอย่างของห้องไทป์นี้คือตัวห้องนอนจะมีประตูบานเฟี้ยมเปิดเพื่อเดินลงสระได้ทันที แต่จากที่พักผมไม่ค่อยอยากจะแนะนำให้เปิดทิ้งไว้ เพราะรีสอร์ทยุงค่อนข้างเยอะครับ
นอกจากเตียง King Size ขนาดมาตรฐานในห้องแล้ว ก็ยังมีชุดโซฟาขนาดใหญ่บริเวณหน้าทีวีไว้สำหรับเอนหลังพักผ่อนแบบไม่จริงจังได้เช่นกัน ในกรณีที่อากาศด้านนอกร้อน หรือแบบที่พวกผมเจอคือฝนตกตลอดช่วงเข้าพัก และหยุดในเช้าวันกลับเหมือนนัดกันมาเป็นต้น
สำหรับห้องน้ำจะแบ่งโซนขับถ่าย และโซนอาบน้ำออกจากกัน มีอ่างล้างหน้าและกระจกให้อย่างละหนึ่งคู่ เพื่อให้สมกับขนาดห้อง โดยเพดานของห้องจะเป็นกระจกฝ้าโปร่งแสง ช่วยให้ตัวห้องดูปลอดโปร่งในเวลากลางวัน พนักงานจะวางน้ำสองขวดและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไว้ให้บริเวณอ่างล้างหน้า ซึ่งทั้งหมดจะเป็นแบรนด์ของทางโรงแรม แต่ก็มีกลิ่นหอมพอสมควร
จากห้องอาบน้ำจะมีประตูบานเลื่อนสำหรับเดินเข้ามาได้จากด้านนอก ทำให้ไม่ต้องย่ำผ่านบริเวณที่นอนให้พื้นเปียก ซึ่งตัวประตูแอบหนักนิดหน่อย ถ้าตอนที่ตัวเปียกน่าจะเปิดยาก ถ้าสามารถทำบริเวณมือจับให้ยื่นออกมามากกว่านี้น่าจะช่วยผ่อนแรงไปได้บ้าง
สระน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวกในบริเวณกลางแจ้งของห้องพัก
มาดูที่ด้านนอกกันบ้างครับ ตัวสระว่ายน้ำอย่างที่บอกว่ามีขนาด 3 x 5 เมตร ทำให้สามารถว่ายจริงจังออกกำลังได้นิดหน่อย พื้นสระมีลักษณะเป็นทางลาด บริเวณลึกสุดประมาณ 1.2 เมตร แต่ถ้าบ้านไหนมีเด็กเล็กมาอาจจะต้องคอยดูแลใกล้ชิด เพราะรอบสระไม่มีบันไดสำหรับปีนขึ้นเลย ถ้าจะขึ้นให้ง่ายต้องเดินกลับมาตรงบริเวณอ่างจากุซซี่เท่านั้น ฉะนั้นถ้าจะว่ากันตามตรงห้องนี้อาจจะเหมาะกับคู่รักมากกว่า
ตัวอ่างจากุซซี่สามารถเปิดน้ำร้อนผสมได้เหมือนในห้องอาบน้ำ สามารถใช้แช่ตีฟองสบาย ๆ หลังจากว่ายน้ำจนเหนื่อย และด้วยความที่อยู่กลางแจ้งก็จะมีบ้างที่มีเศษใบไม้ปลิวมาอยู่ที่ก้นอ่าง ซึ่งตรงนี้น่าจะหลีกเลี่ยงได้ยาก เนื่องจากบริเวณโดยรอบห้องเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ทั้งนั้น ผมเองก็คิดว่าหลังคาที่ครอบตัวอ่างน่าจะช่วยกันอะไรได้มากนัก
หลังใช้เวลาอยู่ในห้องพักเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ก็พอจะเก็บข้อควรคิดก่อนจองที่พักออกมาได้ดังต่อไปนี้ครับ
- ความเป็นส่วนตัวของห้องนี้มีไม่เยอะอย่างที่เราตั้งใจ ด้วยความที่มีอาคารสูงสามชั้นอยู่ด้านหลัง ถึงแม้ว่าจะมีต้นไม้บัง และตัวรีสอร์ทพยายามออกแบบให้มุมมองดูค่อนไม่น่าจะมองเห็นแล้วก็ตาม แต่คนที่ลงไปว่ายในสระน่าจะต้องรู้สึกหวิว ๆ บ้างครับ
- ผมไม่ค่อยชินกับการตกแต่งโซนห้องพักสักเท่าไร อาจจะเพราะมันดูมีของตกแต่งที่ไม่จำเป็นเยอะไป ซึ่งนั่นก็น่าจะมีสาเหตุจากธีมของรีสอร์ทที่จะอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ทำให้ของตกแต่งทั้งหลายจะเหมือนว่าเรามาลุยป่าอะเมซอนยังไงอย่างนั้น
- เป็นธรรมดาของที่พักกลางป่า ยุงจะเยอะมากครับ แต่ตรงนี้สามารถขอซอฟเฟลมาช่วยบรรเทาได้ แต่สำหรับใครที่อยากจะไปนั่งดื่มที่ศาลาริมน้ำในห้องตัวเอง อาจจะต้องมีมาตรการป้องกันที่เพิ่มขึ้นติดไปด้วย
- ตัวรีสอร์ทค่อนข้างห่างจากร้านสะดวกซื้อ ถ้าเกิดมีของขาดตกอะไร ต้องตีรถออกไปอย่างต่ำ 2-3 กม. แต่ข้อดีคือรอบ ๆ นั้นมีร้านอาหารทะเลเยอะมาก บางร้านสามารถยืมจักรยานของรีสอร์ทขี่ไปทานได้เลย